ตึกสตง.เพิ่มผู้ประสบเหตุ 109 ราย เจาะลงใต้ดิน คาดอาจเจอ! อีกหลายร่าง

กทม.แถลงปรับยอดผู้ประสบเหตุตึก สตง.ถล่มเพิ่มเป็น 109 ราย ยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 86 ราย อยู่ระหว่างค้นหาผู้สูญหายอีก 14 ราย ขณะเดียวกัน เร่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบกว่า 280 ชิ้น หวังส่งร่างคืนครอบครัว ยันหาให้ครบภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนปฏิบัติการค้นหาล่าสุดเจาะถึงชั้นใต้ดินแล้วกว่าครึ่ง ผอ.สปภ.กทม.ย้ำทำต่อไปจนกว่าจะมั่นใจไม่มีใครหลงเหลือติดอยู่ในซาก ด้าน “นายกฯอิ๊งค์” คุยกรมโยธาฯร่วมกับ 4 สถาบัน ต่างฝ่ายต่างจำลองเหตุการณ์ตึกถล่มแล้วนำมาเทียบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ขณะที่ “สส.ไอซ์” โพสต์หนุน “ต๊ะ-นารากร” แจ้งความเอาผิดผู้ว่าการ สตง. แถมหยอกทีเล่นทีจริงให้ประชาชนออกมาแจ้งเอาผิดแบบพิธีกรสาวคงจะสนุกดี

ตึกสตง.เพิ่มผู้ประสบเหตุ 109 ราย เจาะลงใต้ดิน คาดอาจเจอ! อีกหลายร่าง

กรณีการสืบสวนคลี่คลายคดีอาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังเหตุแผ่นดินไหวทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายอยู่ในซากตึกจำนวนมาก โดย 2 หน่วยงานคือกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินการทุกความผิด แต่เวลาผ่านมา 1 เดือนเศษ ยังไม่สามารถจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังการทำให้ตึกถล่ม นอกจากการจับกุม 4 ผู้ต้องหาในคดีนอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น ล่าสุดดีเอสไอเผยผลสอบปากคำ “สมชาย ทรัพย์เย็น” วิศวกรผู้จัดการ PKW ควบคุมงานสร้างตึก สตง.รับรู้งานแก้แบบทั้ง 9 ฉบับ โดยทุกฝ่ายร่วมตัดสินใจเพราะเป็นสิ่งที่ต้องรับทราบตามขั้นตอน ก.ม.ตามที่เสนอข่าวไปนั้

วันที่ 4 พ.ค. บรรยากาศการค้นหาร่างผู้สูญหายในซากอาคาร สตง.ที่เข้าสู่วันที่ 38 เจ้าหน้าที่กู้ภัยและผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานยังคงระดมกำลังกันค้นหาผู้ติดค้าง ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่บริเวณชั้นใต้ดินของซากอาคาร สตง. โดยใช้เครื่องจักรหนักและเดินเท้า รวมถึงทีมกล้องโดรนจากมุมสูงจนเปิดพื้นที่ค้นหาได้แล้วในหลายโซน

เวลา 10.30 น. ที่กองอำนวยการร่วม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม) เผยว่า เจ้าหน้าที่เปิดพื้นที่ค้นหาได้แล้วหลายโซน ยังคงมีจุดเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง ในโซน D เจ้าหน้าที่เปิดถึงพื้นชั้นหนึ่งได้ครบหมดแล้ว ขณะที่โซน C2 และ C3 บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคารหลักกับอาคารจอดรถด้านหลังยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นชั้นใต้ดินได้ เนื่องจากซากอาคารถล่มลงมากดทับทำให้ความสูงจากพื้นชั้น 1 ถึงพื้นชั้นใต้ดินเหลือเพียงไม่ถึง 1 เมตร จากเดิมที่ชั้นใต้ดินสูงถึง 4 เมตร ขณะนี้เหลืออีกประมาณ 50 เซนติเมตร จะเข้าถึงพื้นของชั้นใต้ดินได้ ส่วนบริเวณปล่องลิฟต์ทีมสอบสวนคดีชุดเก็บหลักฐานได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว ขอสงวนพื้นที่บางส่วนไว้เพื่อเก็บหลักฐาน ขณะเดียวกันมีแผนเปิดพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณโถงลิฟต์หน้า-หลัง ที่อยู่ห่างจากอาคารจอดรถประมาณ 2 เมตร เพื่อลงไปให้ถึงพื้นชั้นล่างเช่นกัน

นายสุริยชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนโซน A4 จากข้อมูลเจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR ที่ค้นพบทางเข้าใต้พื้นโซน D4 เชื่อมต่อยังพื้นที่ว่างกว้างประมาณ 10×15 เมตร สูงประมาณ 4 เมตร สามารถมุดเข้าไปได้เมื่อเคลื่อนตัวเข้าไปในระนาบเดียวกับผนังกั้นดินด้านหน้าพบคราบน้ำเหลืองและแมลงวันเป็นจุดต้องสงสัยอาจมีผู้สูญหายติดอยู่ เจ้าหน้าที่จะเปิดซากบริเวณนี้ให้ถึงชั้นใต้ดิน สำหรับปัญหาใหญ่คือการตัดผ่าเศษเหล็กและเสาโครงสร้างที่ยังมีความสมบูรณ์ต้องใช้เวลาตัดด้วยระบบแก๊สและเจาะดึงด้วยแบ็กโฮ หากเปิดพื้นที่โซน C2 และ C3 ได้วันนี้จะถือว่าเปิดพื้นที่ได้แล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของอาคารที่พังถล่ม ทั้งนี้จะไม่ยุติภารกิจจนกว่าจะยืนยันได้ไม่มีผู้ติดค้างอยู่ในซากอาคารอีก

ต่อมาเวลา 11.00 น. มีการประชุมความคืบหน้าร่วมกันสรุปตัวเลขผู้ประสบภัยเหตุอาคาร สตง.ถล่มผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย มี รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สปภ.กทม. พ.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ ด้วงปั้น ผกก.กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ ร่วมประชุม

หลังเสร็จสิ้นการประชุม รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่า กทม. พ.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ ด้วงปั้น ผกก.กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวแก้ไขตัวเลขผู้ประสบเหตุ รศ.ทวิดากล่าวว่า ตามที่ญาติผู้ประสบเหตุแจ้งความตามหาเป็นบุคคลสูญหาย ไว้ที่ สน.บางซื่อ ผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย ล่าสุดมีญาติผู้สูญหายแจ้งเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ตัวเลขผู้ประสบเหตุและผู้สูญหายเพิ่มขึ้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ และกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สอบสวนยืนยันแล้ว 6 ราย กองอำนวยการร่วมขอปรับเปลี่ยนพร้อมประกาศผ่านสื่อมวลชนให้เข้าใจตรงกัน ว่า ณ วันที่ 4 พ.ค.68 เวลา 12.00 น. จำนวนผู้ประสบเหตุมี 109 ราย เสียชีวิต 86 ราย บาดเจ็บคงที่ 9 ราย อยู่ระหว่างติดตามอีก 14 ราย เมื่อมีการปรับยอดทีมค้นหาจะเปิดพื้นที่ซากอาคาร สตง.ให้หมด เพื่อค้นหาร่างและชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังติดค้างไม่ให้มีตกหล่น เนื่องจากยังมีชิ้นส่วนอวัยวะที่รอตรวจพิสูจน์อีก 280 ชิ้น คาดว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในเดือนนี้

ด้าน พ.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ ด้วงปั้น ผกก. กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล กล่าวว่า การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลขณะนี้ มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากญาติสายตรงไว้ 100 ราย เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับศพผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายที่อยู่ระหว่างการติดตาม สถาบันนิติเวชตรวจพิสูจน์ยืนยัน เป็นผู้เสียชีวิตแล้ว 86 ราย ในจำนวนนี้เป็นร่างผู้เสียชีวิตสมบูรณ์ 78 ราย และเป็นชิ้นส่วนที่ตรวจพิสูจน์แล้วตรงกัน 8 ราย และในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด พิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลว่าเป็นใคร 63 ราย แยกเป็นสัญชาติไทย 46 ราย เมียนมา 15 ราย กัมพูชา 1 ราย ลาว 1 ราย

วันเดียวกัน แหล่งข่าวในคณะพนักงานสอบสวนคดีอาคาร สตง.ถล่ม เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีระบุว่า การสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเก็บชิ้นส่วนตัวอย่างเหล็กและปูนรวมถึงพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อส่งตรวจพิสูจน์อย่างต่อเนื่อง โดยผลการตรวจบางส่วนออกมาแล้ว แต่ภาพรวมยังไม่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ว่า การก่อสร้างดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ด้านอื่นๆ และข้อมูลจากนักวิชาการเข้ามาประกอบกัน เช่นเดียวกับลายเซ็นของวิศวกรที่มีการส่งตรวจไปก่อนหน้านี้ ที่ขณะนี้ก็ยังคงต้องรอผลยืนยันว่ามีการปลอมแปลงหรือไม่ ในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการวางแนวทางดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง

ด้าน รศ.กิจพัฒน์ ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลภายหลังโซเชียลมีเดียเผยแพร่ความเห็นนักวิชาการที่ระบุว่าการเก็บตัวอย่างคอนกรีตของกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาจเป็นไปอย่างไม่ครอบคลุม เนื่องจากสุ่มเก็บตัวอย่างแบบกระจุกตัวว่า ในฐานะที่เป็นผู้เสนอแนะให้ชุดเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเก็บตัวอย่าง ก่อนหน้านี้ได้ให้คำแนะนำว่าการเก็บตัวอย่างคอนกรีตจะต้องกระจายเก็บตามพื้นที่ต่างๆให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อได้เข้าพื้นที่จริงกลับพบว่าสภาพคอนกรีตบริเวณเสาหลักและผนังลิฟต์มีความเปราะบาง บางจุดเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทรงตัวเพื่อเก็บตัวอย่างได้เนื่องจากสภาพพื้นที่ไม่อำนวย การจะนำตัวอย่างไปใช้ตรวจพิสูจน์สภาพชิ้นส่วนที่ถูกนำออกไปจะต้องมีความสมบูรณ์ ที่ผ่านมาพบว่าเมื่อมีการนำไปเจาะตรวจสอบแล้วข้างในของชิ้นส่วนตัวอย่างมีสภาพแตกร้าวทำให้ไม่สามารถใช้ได้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างตรงบริเวณที่พบว่ามีความสมบูรณ์ที่สุดทำให้ภาพที่เผยแพร่ออกมามีลักษณะกระจุกตัวและสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว

ส่วนการดำเนินการของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 มีรายงานว่า การสอบสวนปากคำพยานวิศวกร ดีเอสไอได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว ทำให้ทราบถึงจำนวนวิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็นในเอกสารควบคุมงานก่อสร้างตึก สตง. ขณะเดียวกันทำให้ทราบถึงจำนวนวิศวกรที่ได้เซ็นควบคุมงานจริง อย่างไรก็ตาม กระบวนการตอนนี้เหลือการนำส่งลายเซ็นของพยานวิศวกรที่เข้าให้ปากคำทั้งหมดกับดีเอสไอ ส่งตรวจพิสูจน์ไปยังกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้ประกอบกับสำนวนคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ในนครบาลได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้จากพยานวิศวกรรายอื่นๆก่อนหน้านี้

รายงานระบุต่อว่า ดังนั้น กรณีที่พยานวิศวกรถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อในเอกสารควบคุมงานก่อสร้าง หากจะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่นำเอาลายเซ็นและแอบอ้างชื่อวิศวกรไปใช้ ตำรวจจะพิจารณาดำเนินการทางคดีอาญาในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ส่วนดีเอสไออาจจะพิจารณานำใช้ในเรื่องความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ส่วนคำให้การของพยานวิศวกรทั้ง 38 ราย ดีเอสไอจะคัดกรองถ้อยคำให้การของพยานวิศวกรทั้งหมดนี้ นำเข้าสู่สำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ต่อไป ทั้งนี้ วิศวกรรายใดที่ยังไม่เข้ามาพบดีเอสไอเพื่อชี้แจงเรื่องลายเซ็นจะออกหมายเรียกซ้ำอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ตึกสร้างใหม่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า ทุกวันนี้ ในการหารือระบุตัวตนยังทำเต็มที่ เต็มความสามารถ ผู้ว่าฯ กทม.อยู่หน้างานเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ตอนนี้ค้นหาผู้เสียชีวิตได้เพิ่มมากขึ้นและพยายามเคลียร์เรื่องไซต์งานให้หมด คิดว่าน่าจะใกล้จบมากแล้วในไม่เกิน 1 อาทิตย์ ไซต์งานน่าจะเคลียร์จนครบหมด เพื่อให้ญาตินำร่างผู้เสียชีวิตกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนคำตอบที่แท้จริงของตึก สตง.ถล่ม คุยกับกรมโยธาธิการและผังเมืองให้ร่วมกับ 4 สถาบัน ทุกฝ่ายต่างจำลองเหตุการณ์ของตัวเองแล้วมาเทียบข้อมูลกันเพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงเกิดขึ้นได้อย่างไร ตึกเดียวทั้งหมดต้องใช้เวลา 90 วัน จริงๆแล้วเราเห็นเลยว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีคำตอบเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าตรงไหนเป็นจุดที่พลาดอันนี้เรื่องใหญ่ ตึกถล่มทั้งตึกมีคนเสียชีวิตมากมาย ไม่มีคำตอบเหรอ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งรับไม่ได้ที่จะไม่มีคำตอบเรื่องนี้ติดตามอย่างใกล้ชิด กำชับไปแล้วทั้งตำรวจและดีเอสไอว่าถ้าในกระบวนการเซ็นต่างๆ มันผิดตั้งแต่การอนุญาต การออกแบบก็ต้องถูกดำเนินคดี ถ้าผิดคือผิด ยังไม่ต้องพูดถึงตึกถล่มด้วยซ้ำ อันนี้คือสิ่งที่ทำอยู่

ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณี น.ส.นารากร ติยายน พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ยื่นเรื่องเอาผิดผู้ว่าการ สตง.ว่า ขอบคุณ น.ส.นารากรที่เป็นตัวแทนหมู่บ้าน กล้าหาญทำเรื่องนี้ เป็นประชาชนประเทศนี้มันเหนื่อย แต่ต้องช่วยกัน ทั้งนี้ มีประเด็นคือ 1.รัฐธรรมนูญไม่มีตรงไหนที่ให้อำนาจประชาชนเข้าชื่อริเริ่มกระบวนการถอดถอนองค์กรอิสระ ทั้งที่ในอดีตเคยทำได้ ที่มาขององค์กรอิสระก็ไม่ได้มาจากประชาชน ตรวจสอบยากเย็น แถมยังถอดถอนไม่ได้อีก ถึงต้องไปฟ้องด้วยตัวเองแบบนี้ แม้ถอดถอนไม่ได้ ถ้าประชาชนหลายหมื่นหลายพันไปร่วมกันแจ้งความแบบที่ น.ส.นารากรทำก็น่าสนุกดี 2.รัฐบาลทำอะไรบ้างหรือไม่ คำตอบคือตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ตอนแรกระบุต้องสรุปใน 7 วัน แต่สุดท้ายขยายเรื่อยๆ ปัจจุบันไม่มีใครทราบถึงความคืบหน้า คนทั้งประเทศควรรู้ไว้ว่าการตั้งคณะกรรมการคือถ่วงเวลาเพื่อรอให้เรื่องมันเบาลง กระแสหาย สุดท้ายไม่มีคนสนใจแล้วก็แยกย้าย อยากขอความจริงใจกับรัฐบาลให้จริงจังกว่านี้และทำมากกว่าตั้งคณะกรรมการฯ รัฐบาลมีทุกอย่างที่ต้องใช้อยู่ในมือแล้ว ทีนี้ก็มาคุยกันจริงจังถึงการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อจำกัดอำนาจองค์กรอิสระ ทำให้ที่มาและถอดถอนยึดโยงกับประชาชนได้หรือยัง และ 3.ผู้ว่าการ สตง.เป็นเพื่อนสนิทนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย แค่บอกเฉยๆ ไม่มีอะไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *